เหล่าพ่อบ้าน แม่บ้านบางคนอาจจะยังคงปล่อยชิลแม้จะรับรู้ได้ว่าตู้เย็นมีเสียง หรือตู้เย็นไม่เย็น รวมถึงอาการอื่น ๆ แต่ไม่ยอมยกไปซ่อมเพราะคิดว่ายังใช้งานได้อยู่ โดยไม่รู้เลยว่าความผิดปกติเหล่านั้นเป็นสัญญาณเตือนที่ควรส่งตู้เย็นให้ช่างซ่อมได้แล้ว หากปล่อยไว้นานอาจจะพังจนใช้งานไม่ได้ ดังนั้นมาดูกันดีกว่าความผิดปกติของตู้เย็นมีอะไรบ้าง แล้วแต่ละอาการหมายความว่าอย่างไร ได้ตามนี้เลย
ชิ้นส่วนสำคัญที่หลาย ๆ บ้าน ไม่ค่อยให้ความสนใจนั้นคือ ขอบยางที่ประตู นอกจากการทำความสะอาดปกติแล้ว ยังต้องคอยตรวจเช็กสภาพสม่ำเสมอ โดยอาจใช้วิธีง่าย ๆ อย่าง การเหน็บกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ไว้แล้วปิดประตูตู้เย็น เพื่อดูว่าขอบยางยังแข็งแรงพอที่จะสามารถหนีบแผ่นกระดาษนั้นไว้ได้หรือไม่ เพราะถ้าเกิดประตูตู้เย็นปิดได้ไม่แน่นก็จะมีความชื้นเข้าไปได้มากขึ้น ทำให้กลายเป็นน้ำแข็งเกาะสะสมตัวมากขึ้น จนลดประสิทธิภาพในการทำความเย็นลง ปัญหานี้แก้ได้ง่ายๆ ด้วยการหมั่นทำความสะอาดขอบยางประตูเย็นเป็นประจำ (สามารถทำความสะอาดสัปดาห์ละครั้งหรือเดือนละครั้งก็ได้) โดยใช้ฟองน้ำชุบน้ำสะอาด แล้วทำการเช็ดคราบสกปรกออกให้หมด แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาอย่างพวกสารเคมี อาจทำให้ขอบยางเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร
การที่ช่องฟรีซจะเกิดน้ำแข็ง แสดงว่าตู้เย็นจะต้องมีอุณหภูมิที่ต่ำมาก ๆ แต่ถ้าปรับอุณหภูมิของตู้เย็นระดับเย็นน้อยสุดแล้ว แล้วยังเกิดน้ำแข็งเกาะช่องฟรีซอยู่แสดงว่าตู้เย็นอาจจะปล่อยสารทำความเย็นออกมามากจนเกินไป ข้อแนะนำการใช้งานคืออย่าเปิดประตูบ่อยหรือเปิดทิ้งไว้นานเกินความจำเป็น
เป็นปกติที่ตู้เย็นจะมีเสียงตลอดเวลา เพราะนั่นแสดงว่าตู้เย็นกำลังทำงานอยู่ แต่ถ้าไม่ได้ยินสียงใด ๆ ออกมาจากตู้เย็นทั้ง ๆ ที่ตอนเปิดตู้เย็นไฟยังสว่าง แสดงว่าคอมเพรสเซอร์อาจจะเสีย สามารถทดสอบได้โดยหมุนปุ่มควบคุมอุณหภูมิไปที่ระดับเย็นสุด ถ้าหากคอมเพรสเซอร์ยังคงไม่มีเสียงอยู่แสดงว่าตู้เย็นของคุณคงเสียแล้ว ส่วนอีกวิธีก็คือการละลายน้ำแข็ง แล้วถอดปลั๊กตู้เย็นออกทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง จากนั้นเปิดใหม่อีกครั้ง ถ้าคอมเพรสเซอร์ยังทำงาน แสดงว่าอาจจะเป็นเพราะระบบละลายน้ำแข็ง
สาเหตุที่ทำให้น้ำซึมมีหลายสาเหตุด้วยกัน ไม่ว่าจะปิดประตูไม่สนิทเพราะขอบยางตู้เย็นเสื่อมสภาพ มีน้ำแข็งเกาะมากเกินไป หรือถาดรองน้ำรั่ว วิธีแก้ไขสามารถแก้ไขเบื้องต้นได้ โดยแก้ไขตามจุดที่ทำให้เกิดปัญหา เช่น ถ้าขอบยางเสื่อมสภาพก็ให้เปลี่ยนใหม่ เป็นต้น
การเลือกพื้นที่ในการวางตู้เย็น โดยบริเวณใกล้ ๆ ตู้เย็นนั้นไม่ควรมีเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิด ๆ อื่น ที่ให้ความร้อนอย่าง เช่น เตาอบ เตาแก๊ส หรือหม้อไฟฟ้าต่าง ๆ เพราะตู้เย็นต้องรับมือกับความร้อนที่อยู่ใกล้ จะส่งผลให้ทำงานหนักมากขึ้นกว่าเดิม
ลองสังเกตขอบยางตู้เย็นว่าหมดสภาพหรือยัง ในกรณีใช้งานตู้เย็นมานานหลายปี อาจจะมีรอยหรือซีลตามขอบประตูเริ่มเสื่อม ทำให้ประตูตู้เย็นปิดไม่สนิทส่งผลให้ความเย็นรั่วไหลได้เช่นกัน ลองสังเกตง่ายๆ คือนำธนบัตรสอดตามแนวของประตู หากพบว่าสามารถลอดผ่านได้แสดงว่าขอบยางเสื่อมสภาพ ควรรีบซ่อมหรือเรียกช่างมาดูแลและซ่อมแซมแก้ไขได้ทันท่วงที
ในตู้เย็นทุกรุ่นจะมีปุ่มกดหรือหมุนเพื่อสะดวกต่อการเลือกระดับความเย็นได้ หากคุณปรับค่าไม่เหมาะสมก็ส่งผลให้ตู้ไม่เย็นได้เช่นกัน สำหรับตู้เย็นที่มีจอแสดงผลดิจิตอลก็จะปรับตั้งค่าได้ไม่ยาก แต่ในตู้เย็นรุ่นเก่าจะมีปุ่มหมุนให้เลือกจากระดับ 1-5 โดยระดับเลข 5 คือความเย็นสูงสุด ปกติจะตั้งค่าไว้ที่เลข 3 หรือ Mid ถ้าไม่ทราบค่าที่เหมาะสม ให้สอบถามศูนย์บริการ หรือ Search หาคู่มือในอินเตอร์เน็ต
แต่ตู้เย็นของไฮเออร์รุ่น HRF-330MGI นั้นยังสามารถปรับอุณหภูมิได้เอง เพราะมีระบบ จอควบคุมแบบสัมผัส ปรับอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำพื่อให้ได้ระดับความเย็นที่คุณต้องการที่ด้านหน้าของตู้เย็น รวมถึงตู้เย็นไฮเออร์มี 3 ช่องแยกอิสระที่สามารถเก็บรักษาอุณหภูมิของอาหารอยู่ทุกครั้ง และมีช่องพิเศษอย่าง Magic Room ที่ รักษาความสดและคุณค่าของอาหารแต่ละประเภทได้อย่างแม่นยำ ด้วยอุณหภูมิ 5° ถึง -18°
บริเวณด้านข้างของตู้เย็นทั้งซ้ายและขวาจะมีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า Condensor จะทำหน้าที่ให้น้ำยาเพื่อระบบการทำงานของตู้เย็นในลักษณะที่เป็น "แก๊ส" และแก๊สตัวนี้จะเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลวด้วยการระบายความร้อนนั้นเป็นสาเหตุทำให้บริเวณด้านข้างของตู้เย็นมีความดันและอุณภูมิสูงขึ้น หรือตู้เย็นด้านข้างร้อนเพราะอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป สาเหตุที่ทำให้ผนังตู้เย็นด้านข้างร้อนขึ้น เกิดจากการที่ท่อ Hot Line ที่ถูกติดตั้งเอาไว้ด้านข้างของตัวเครื่อง ที่ทำหน้าที่ในการป้องกันการสร้างน้ำค้างหรือน้ำแข็งเกาะที่ใกล้ประตูมีอุณหภูมิสูงขึ้น ความร้อนที่เกิดขึ้นดังกล่าว จึงเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นจากกระบวนการทำงาน เรียกได้ว่าการที่ด้านข้างของตู้เย็น มีความร้อนออกมานั้นเป็นเรื่องที่ปกติมากๆ แต่เมื่อใดก็ตามที่ความร้อนด้านข้างตู้เย็นนั้นร้อนกว่าปกติที่เคยเป็น เมื่อนั้นจึงเรียกว่าอาการผิดปกติ
*หมายเหตุ แก้ปัญหาตู้เย็นร้อนด้วยการหมั่นทำความสะอาดคอมเพรสเซอร์ บริเวณด้านหลังของตู้เย็นจะมีคอมเพรสเซอร์ติดตั้งเอาไว้ ซึ่งจะทำหน้านที่ในการควบคุมอุณหภูมิ และระบายความร้อนของตู้เย็น ถ้าหากในบริเวณดังกล่าวมีสิ่งสกปรก หรือฝุ่นละออง และขนสัตว์ ติดอยู่เป็นจำนวนมาก ตู้เย็นจะทำงานหนักมากขึ้น การหมั่นทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นการช่วยป้องกันได้เป็นอย่างดี
- อย่านำอาหารที่ร้อนหรือยังอุ่นแช่ในตู้เย็น
- อย่าเปิดตู้เย็นโดยไม่จำเป็น เพราะค่าไฟฟ้าจะเพิ่มตามจำนวนครั้งของการเปิดตู้เย็น
- อย่าเปิดประตูตู้เย็นค้างไว้เป็นเวลานาน ๆ
- ไม่ควรแช่ของจนแน่นเกินไป เพราะความเย็นในตู้เย็นจะไหลเวียนไม่สะดวก
- อย่าตั้งตู้เย็นใกล้เตาไฟหรือหม้อหุงข้าว หรือถูกแสงอาทิตย์โดยตรง เพราะจะทำให้ตู้เย็นระบายความร้อนไม่ดี เป็นเหตุให้สิ้นเปลืองไฟ
อาการบางอย่างสามารถแก้ไขได้เองเบื้องต้น อย่างเช่น การเปลี่ยนขอบยางประตูตู้เย็น แต่อาการบางอย่างต้องให้ผู้เชี่ยวชาญหรือช่างซ่อมดู ถ้าไม่เชี่ยวชาญจริงๆ แนะนำให้เรียกช่างซ่อมจากไฮเออร์กันดีกว่านะ หรือจะติดต่อ 1789 เพื่อแจ้งเรื่องได้อีกเช่นกัน