• ประวัติองค์กร
  • กลยุทธ์ของไฮเออร์
  • ประวัติศาสตร์การพัฒนาองค์กร
  • แบรนด์ของเรา

ภาพรวมกลุ่มบริษัทไฮเออร์

            นับตั้งแต่บริษัทก่อตั้งในปี พ.ศ. 2527 จนถึงปัจจุบัน ไฮเออร์ถือเป็นผู้นำระดับโลกทางด้านนวัตกรรมความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างผลิตภัณฑ์สำหรับตอบโจทย์ชีวิตอย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทิศทางการพัฒนาทางเทคโนโลยีนวัตกรรมล้ำสมัยอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังรวมถึงการดำเนินงานทางด้านธุรกิจโดยยึดมั่นหลักการพัฒนาเรื่อง "การให้ความสำคัญกับคุณค่าของมนุษย์ " ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน คุณ จาง รุ่ยหมิ่น ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มบริษัทไฮเออร์ กล่าวถึงรูปแบบการบริหาร RenDanHeyi (เหรินตันเหออี) เป็นแนวคิดร่วมสมัยผสานผสานกับความเป็นสากล ต่อมาจึงนำแนวคิดนี้มาหลอมรวมเพื่อพัฒนาองค์กร โดยให้ความสำคัญในส่วนของอุตสาหกรรมเชิงพาณิชย์ วัฒนธรรม และสังคมกลุ่มเป้าหมายแตกต่างกันไป


                  ไฮเออร์เริ่มต้นทำธุรกิจจากความท้าทายโดยนำประสบการณ์ของผู้ซื้อสินค้าเป็นที่ตั้งในการดำเนินธุรกิจ โดยเริ่มต้นทำธุรกิจสินค้ากลุ่มแรกคือ โรงงานตู้เย็นขนาดเล็ก ในเมืองชิงเต่า สาธารณรัฐประชาชนจีน สำหรับการเริ่มต้นธุรกิจนี้เกิดจากการลงขันร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางการค้ากลุ่มหนึ่งจำนวนหลายราย ทั้งนี้สำหรับการทำธุรกิจของไฮเออร์นั้นได้ก้าวสู่ช่วงวิกฤตขาลงในการดำเนินธุรกิจจนก่อให้เกิดสภาพภาวะหนี้สิน ขาดทุน และเกือบล้มละลาย จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับกลุ่มบริษัทไฮเออร์นี้จึงทำให้คุณ จาง รุ่ยหมิน และพนักงานในบริษัทมีแรงผลักดันในการพัฒนาบริษัทให้กลับมามีศักยภาพอีกครั้ง สามารถพลิกเกมธุรกิจกลับกลายเป็นแบรนด์ที่เกี่ยวกับระบบนิเวศน์ของอินเทอร์เนตแบรนด์แรกแบรนด์เดียวในกลุ่มหนึ่งร้อยแบรนด์ที่มีแข็งแกร่งในกลุ่ม BrandZ (แบรนด์ซี) ต่อมาในปี พ.ศ. 2561 กลุ่มบริษัทไฮเออร์สามารถก้าวกระโดดด้วยความเชื่อถือด้วยยอดขายทั่วโลกได้ถึง 266.1 พันล้านหยวน ซึ่งเติบโตขึ้นเป็นจำนวน 10% สามารถทำกำไรทั่วโลกพุ่งทยานสูงถึง 33.1 พันล้านหยวน ซึ่งเติบโตขึ้นเป็นจำนวน10% จากปีก่อนเช่นกัน ดังนั้นรายได้ของกลุ่มบริษัทก้าวกระโดดโตขึ้นสูงสุดถึง 15.1 พันล้านหยวนเมื่อเทียบวัดผลเฉลี่ยจากปีที่ผ่านมาเป็นจำนวนทั้งสิ้น 75% จากความสำเร็จข้างต้นนี้ ทางกลุ่มบริษัทไฮเออร์ได้ทำการจดทะเบียนบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ 4 บริษัท บริษัทสตาร์ทอัพยูนิคอร์น 2 บริษัท  อีกทั้งสร้างบริษัทที่เตรียมเป็นยูนิคอร์นและกาเซลล์ 12 บริษัท ก่อตั้งศูนย์วิจัยใหญ่ 10 แห่งทั่วโลก นิคมอุตสาหกรรม 25 แห่ง และศูนย์ปฏิบัติการ 122 แห่ง ถือได้ว่าไฮเออร์นั้นเป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะจำนวนมากไมว่าจะเป็น Haier, Casarte, Leader, GE จากสหรัฐอเมริกา, Fisher & Paykel  จากนิวซีแลนด์, AQUA จากญี่ปุ่น และ Candy จากอิตาลี ทั้งนี้ยังมีแบรนด์ทางด้านงานบริการ เช่น RRS, Yingkang Life , COSMOPlat เป็นต้น อีกทั้งแบรนด์ทางด้านนวัตกรรมและวัฒนธรรม เช่น Haier Brothers

                

                    จากการจัดอันดับของยูโรมอนิเตอร์ สำหรับไฮเออร์เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอันดับหนึ่งยาวนานถึง 10 ปีซ้อนติดต่อกัน สำหรับไฮเออร์ สมาร์ทโฮม ซึ่งเป็นบริษัทลูกของไฮเออร์ได้รับการจัดอันดับจากฟอร์จูนโกลบอลเป็นหนึ่งใน 500 บริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดของโลก ในขณะที่ไฮเออร์คอสโมแพลตนั้นเป็นกลุ่มแพลตฟอร์มทางอินเทอร์เน็ตที่มีประสิทธิภาพในภาคอุตสาหกรรมอันดับหนึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศได้รับเลือกจาก ISO, IEEE และ IEC เพื่อใช้กำหนดมาตราฐานสากล สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สามารถปรับตามความต้องการของกลุ่มลูกค้าตามแนวคิดเหรินตันเหออี กลุ่มบริษัทไฮเออร์จึงกลายเป็นผู้นำระดับโลกในยุคอินเทอร์เนตออฟธิงส์ และในอนาคตทางกลุ่มบริษัทไฮเออร์ยังจะมีแผนพัฒนาร่วมงานกับบริษัทในเครือทั่วโลกเพื่อสร้างเครือข่ายธุรกิจอินเทอร์เนตออฟธิงส์ครอบคลุมไปยังกลุ่มธุรกิจ เสื้อผ้า อาหาร ที่อยู่อาศัย การเดินทาง สุขภาพ การดูแลผู้สูงอายุ การแพทย์ และ การศึกษาเพื่อสร้างชีวิตที่สะดวกสบายตอบโจทย์ลูกค้าทั่วโลก

ไฮเออร์: แบรนด์อันดับ 1 ในยุคของ Internet of Things

hw2019_aboutHaierCompany_img5.jpg

การเกิดขึ้นของรูปแบบทางเศรษฐกิจใหม่ๆ เช่น เศรษฐกิจชุมชน และเศรษฐกิจแบบแบ่งปันในยุคของ Internet of Things ทำให้กลุ่มบริษัท ไฮเออร์ ได้ทำการบุกเบิก และเปิดตัวกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ที่ส่งเสริมระบบการพึ่งพากัน (Ecological brand)

 

ระหว่างพยายามผลักดันให้กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ที่ส่งเสริมระบบการพึ่งพากัน ให้พัฒนาไปสู่การปฏิบัติจริง โมเดล "Integrating Order and Personnel" ของไฮเออร์ก็ได้แสดงให้เห็นถึงพลังที่พิเศษอีกครั้ง ในช่วงสองปีที่ผ่านมาได้มีการเปิดตัว Haier U+, COSMOPlat, Shunguang และแพลตฟอร์มระดับโลกอื่นๆ และแนวคิด “Life X.0” ถูกทำให้กลายเป็นจริงอย่างน่าประทับใจที่สุด สิ่งนี้จะกลายเป็นตำนานใหม่ในประวัติศาสตร์ของไฮเออร์อย่างแน่นอน

 

Haier U+ Smart Life Platform เป็นระบบ Ecosystem แบบเปิดที่รวมทรัพยากรจากทั่วโลก รวมถึงเครือข่ายของอาหาร, เครือข่ายของเสื้อผ้า, เครือข่ายของการใช้ชีวิต, เครือข่ายของความบันเทิง และเขตนิเวศของ Internet of Things (IoT) อื่นๆ ทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรูปแบบของสมาร์ทโฮมที่มีความหลากหลาย เติมเต็มวิสัยทัศน์ของผู้ใช้ที่มีต่อบ้านในอุดมคติ

 

COSMOPlat เป็นแพลตฟอร์มการผลิตระดับสูงของไฮเออร์ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับอินเทอร์เน็ตเชิงอุตสาหกรรมที่มีผู้ใช้เป็นศูนย์กลางเพียงแห่งเดียวในโลกที่ทำหน้าที่จัดหาผลิตภัณฑ์อัจฉริยะคุณภาพสูงให้แก่ผู้ใช้ นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นระบบการพึ่งพากันของชุมชนที่อนุญาตให้ผู้ใช้มีส่วนในการออกแบบผลิตภัณฑ์ทั้งหมด และกระบวนการผลิต ที่นี่ ใครๆ ก็สามารถเป็นนักออกแบบ และนักประดิษฐ์ และเป็นผู้กำหนด “Life X.0” ของพวกเขาเอง ด้วยความช่วยเหลือจากแหล่งทรัพยากรทางเทคนิคทั่วโลกของไฮเออร์

 

ในปัจจุบัน ระบบ Ecosystem ของไฮเออร์ได้รับการสนับสนุนจากฐานชุมชนที่เข้มแข็ง ไฮเออร์จำหน่ายผลิตภัณฑ์อัจฉริยะมากกว่า 210 ล้านชิ้นแก่ผู้ใช้ และจำนวนผู้ใช้ออนไลน์แบบเรียลไทม์มีจำนวนมากถึง 28 ล้านคน มีผู้ติดต่อกับแพลตฟอร์ม Shunguang จำนวนมากถึง 1.13 ล้านราย เชื่อมโยงทรัพยากรของผู้ใช้หลายร้อยล้านคนเข้าไว้ด้วยกัน ในปี พ.ศ. 2561 ไฮเออร์มีการเติบโตของรายได้จากระบบ Ecosystem อย่างมั่นคง ด้วยมูลค่าที่มากถึง 15.1 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึง 75% ความสำเร็จเหล่านี้ได้วางรากฐานอันแข็งแกร่งสำหรับกลุ่มบริษัท ไฮเออร์ ในการสร้างแบรนด์ที่ส่งเสริมระบบการพึ่งพากัน ไปสู่ความเป็นที่ 1 ในยุคของ Internet of Things

 

ในอนาคต ในฐานะที่เป็นแบรนด์อันดับ 1 แห่งยุคของ Internet of Things ไฮเออร์จะทำงานอย่างหนักขึ้นเพื่อสร้างโมเดล "Integrating Order and Personnel"  ให้เป็นโมเดลแห่งยุค Internet of Things ระดับโลก

 

ประวัติศาสตร์การพัฒนาของไฮเออร์

นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2527 ไฮเออร์ยังคงยึดถือโมเดลการจัดการแบบได้ประโยชน์ทุกฝ่ายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของโมเดล “Integrating Order and Personnel” ในทุกช่วงเวลาของการคิดค้นสิ่งใหม่แทนสิ่งเดิม และการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพื่อปลดปล่อยพลัง และความคิดสร้างสรรค์ของผู้คนบนพื้นฐานของความเป็นจริง ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างเครือข่ายต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดยั้ง ไฮเออร์ก้าวผ่านหลายช่วงเวลาเพื่อดำเนินการตามแผนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์, กลยุทธ์การสร้างความหลากหลาย, กลยุทธ์การสร้างความเป็นสากล, กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ระดับโลก และกลยุทธ์การสร้างเครือข่าย ในยุคของ Internet of Things ไฮเออร์ยังคงอยู่แถวหน้าของอุตสาหกรรม โดยการสร้างแบรนด์ที่ส่งเสริมระบบการพึ่งพากัน (ecological brand) บนพื้นฐานของไลฟ์สไตล์ด้วย “สมาร์ทโฮม”

hw2019_aboutHaierCompany_img5.jpg    

ช่วงของกลยุทธ์การสร้างแบรนด์    

ในปี พ.ศ. 2528 ตอนที่เริ่มทำการปฏิรูป และเปิดตัวในช่วงแรกนั้น ตลาดของตู้เย็นกำลังเป็นที่ต้องการอย่างมาก ผู้ผลิตหลายรายให้ความสนใจกับปริมาณมากกว่าคุณภาพ ไฮเออร์เป็นเจ้าแรกที่ตั้งเป้าหมายทางธุรกิจในการจัดหาผลิตภัณฑ์ที่ “ไร้ตำหนิ” มร. จาง รุ่ยหมิ่น CEO ของไฮเออร์ ได้ทำการ “ทุบทำลายตู้เย็นที่ชำรุด” ซึ่งกลายเป็นเรื่องราวโด่งดังในช่วงเวลานั้น ไม่กี่ปีต่อมา อุตสาหกรรมตู้เย็นที่กำลังการล้นตลาด แต่ผลิตภัณฑ์ของไฮเออร์ยังคงได้รับการตอบรับอย่างดีจากตลาดแม้ว่าราคาจะสูงขึ้นก็ตาม ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา ไฮเออร์ได้รับรางวัล National Quality Award (รางวัลสูงสุด) และได้รับประกาศเกียรติคุณของเครื่องหมายการค้าที่มีชื่อเสียงระดับท็อปเท็นในประเทศจีน (honor of the Top Ten Well-known Trademarks) ไฮเออร์เปลี่ยนแนวคิดที่อยู่ในใจของผู้คนที่มีต่อคุณภาพแบบเดิมๆ และปรับปรุงการจัดการคุณภาพระดับมืออาชีพของพนักงาน จนสามารถสร้างแบรนด์จากจีนที่มีชื่อเสียงได้เป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมตู้เย็นด้วยคุณภาพที่ยอดเยี่ยม

ช่วงของกลยุทธ์การสร้างความหลากหลาย

      ในปี พ.ศ. 2534 ในยุคของเติ้ง เสี่ยวผิง ที่มีการออกตรวจการและปราศรัยที่ภาคใต้ ไฮเออร์เริ่มเดินทางบนเส้นทางของการทำธุรกิจแบบเน้นความหลากหลาย ท่ามกลางความเคลือบแคลงสงสัยที่สะท้อนออกมาจากความคิดเห็นของประชาชน และอุตสาหกรรม ไฮเออร์ได้รวมบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่กำลังขาดทุน 18 บริษัท, ขยายสายการผลิตภัณฑ์ตู้เย็นไปสู่ผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นที่หลากหลายยิ่งขึ้น เช่น เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านประเภทอื่นๆ ตอนที่บริษัทอื่นเริ่มทำแบบเดียวกันนี้ ไฮเออร์ก็ได้นำไปก่อนแล้วนับสิบปี ไฮเออร์จึงกลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านของประเทศจีนอย่างแท้จริง

 

      การจัดการที่มีความหลากหลายของไฮเออร์ไม่ได้พึ่งพาการลงทุนในต้นทุน และเทคโนโลยี แต่เป็นการฟื้นฟูรากฐานของแนวคิดทางด้านวัฒนธรรม และการจัดการของไฮเออร์ ใช้สินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตนเพื่อฟื้นฟูสินทรัพย์ที่มีตัวตน และกระตุ้นให้เกิดเอ็ฟเฟ็กต์ “shock fish” ด้วยวัฒนธรรมของไฮเออร์ ประวัติความเป็นมาเหล่านี้ได้กลายเป็นกรณีศึกษาของธุรกิจระดับโลกที่ถูกเลือกไว้สำหรับหอสมุดกรณีศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

ช่วงของกลยุทธ์การสร้างความเป็นสากล    

      ปลายยุค 90 หลังจากที่จีนเข้าร่วมเป็นสมาชิก WTO ผู้ประกอบการจีนจำนวนมากถูกขัดขวางไม่ให้ขยายตลาดในต่างประเทศ และหันไปเป็น OEM ทำให้ มร. จาง รุ่ยหมิ่น ผู้ก่อตั้งไฮเออร์ ผลักดันแนวคิดของ "การสร้างแบรนด์โดยการส่งออก", "ทำยากๆก่อน แล้วค่อยทำง่ายๆทีหลัง" ไฮเออร์เริ่มต้นพัฒนาธุรกิจในต่างประเทศ, ลงทุนในการก่อสร้างโรงงาน และเป็นเริ่มจากในประเทศที่พัฒนาแล้ว เพื่อสร้างแบรนด์ที่มีชื่อเสียงของตนเอง

      ในปี พ.ศ. 2542 ไฮเออร์ได้ก่อตั้งนิคมอุตสาหกรรมในต่างประเทศแห่งแรกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในเวลานั้น การลงทุนครั้งใหญ่นี้ถูกตั้งคำถามโดยสื่อ และความคิดเห็นของประชาชน แต่หากมองจากในมุมมองปัจจุบันนี้ สิ่งนี้ถือเป็นการมองไปข้างหน้า และเป็นการตัดสินใจด้วยสายตาอันยาวไกล การก่อตั้งโรงงานในประเทศอเมริกาช่วยวางรากฐานสำหรับการลงหลักปักฐานอันมั่นคงของไฮเออร์ในตลาดอเมริกา ต่อมา รัฐบาลท้องถิ่นของสหรัฐอเมริกาจึงตั้งชื่อถนนว่า "Haier Road" เพื่อเป็นการขอบคุณไฮเออร์สำหรับคุณูปการอันยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นถนนสายเดียวในสหรัฐอเมริกาที่ตั้งชื่อตามแบรนด์ของจีน ตั้งแต่นั้นมา ไฮเออร์ก็มีชื่อเสียงเพิ่มขึ้นในระดับสากลด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง และไฮเออร์ได้กลายเป็นผู้นำของแบรนด์จากประเทศจีนในเวทีโลก

ช่วงของกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ระดับโลก    

      นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 ไฮเออร์ได้ก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาของการดำเนินกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ระดับโลก และยึดหลักปรัชญาการพัฒนาตามแนวคิดที่ว่า “การออกแบบแบบท้องถิ่น, การผลิตแบบท้องถิ่น และการตลาดแบบท้องถิ่น” ในปี พ.ศ. 2555 ไฮเออร์เข้าซื้อหลายธุรกิจของ Sanyo Electric รวมถึงเครื่องซักผ้า และตู้เย็นในญี่ปุ่น และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากนั้น ไฮเออร์ประสบความสำเร็จในการซื้อแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านระดับไฮเอนด์ของประเทศนิวซีแลนด์ที่มีชื่อว่า Fisher & Paykel วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2559 ไฮเออร์และ GE ได้มีการร่วมมือทางยุทธศาสตร์เพื่อรวมธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านของ GE ให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งกับไฮเออร์ ทำให้เกิดโมเดลพันธมิตรรูปแบบใหม่สำหรับบริษัทขนาดใหญ่ในการทำธุรกิจจากระบบกลไกราคา หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal ได้เขียนถึงไฮเออร์ว่าเป็นการสร้าง “Chinese Surprise”

 

      ในปี พ.ศ. 2561 ไฮเออร์ได้สร้างฐานการวิจัยและพัฒนา 10 แห่ง, นิคมอุตสาหกรรม 24 แห่ง, ศูนย์การผลิต 108 แห่ง, ตัวแทนจำหน่าย 66 แห่ง และเครือข่ายกระจายสินค้า 143,330 แห่งทั่วโลก และพนักงานมากกว่า 60,000 คนทั่วโลก ไฮเออร์จึงกลายเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอันดับหนึ่งของโลก

ช่วงของกลยุทธ์การสร้างเครือข่าย    

   

hw2019_aboutHaierCompany_img6.jpg

นปี 2555 ไฮเออร์นำเสนอกลยุทธ์การสร้างเครือข่าย ไฮเออร์เปลี่ยนจากบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านแบบดั้งเดิมมาเป็นองค์กรแห่งยุคอินเทอร์เน็ต เปลี่ยนองค์กรธุรกิจดั้งเดิมเป็นแพลตฟอร์มแบบเปิด ความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับห่วงโซ่อุตสาหกรรมทั้งต้นน้ำและปลายน้ำ ได้เปลี่ยนจากที่ได้ผลประโยชน์ฝ่ายเดียวเป็นมีชุมชนที่แบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกัน องค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ของไฮเออร์ได้กลายเป็นหน่วยในแพลตฟอร์มเครือข่าย ฝ่ายต่างๆ ในแพลตฟอร์มจะแบ่งปันคุณค่าและบรรลุผลประโยชน์ร่วมกัน  ในรูปแบบการจัดการตนเองและการขับเคลื่อนด้วยตนเอง ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกคนรวมถึงพนักงาน ผู้ใช้ และทีมผู้ประกอบการมีส่วนร่วมในกระบวนการออกแบบและการผลิตทั้งหมดและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรของแพลตฟอร์มของไฮเออร์ ได้อย่างยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ ไฮเออร์ได้ทำลายโครงสร้างองค์กรตามระบบเจ้านายปกครองลูกน้อง และเปลี่ยนเป็นรูปแบบที่ประกอบด้วยทีมผู้ประกอบการต่างๆ ที่รับผิดชอบโดยตรงต่อผู้ใช้ ด้วยวิธีนี้สมาชิกในทีมได้กลายเป็นผู้สร้างจากพนักงานและผู้บริหารและระบบ "จ่ายองค์กร" กลายเป็นระบบ "จ่ายผู้ใช้" ซึ่งไม่เพียง แต่ช่วยกระตุ้นความคิดริเริ่มและจิตวิญญาณของพนักงานเท่านั้น ยังสร้างคุณค่าสำหรับผู้ใช้อีกด้วย

 

แบรนด์ต่างๆ ที่อยู่ในกลุ่มบริษัท ไฮเออร

ไฮเออร์เข้าสู่ช่วงของกลยุทธ์การสร้างเครือข่ายในปี พ.ศ. 2556 ภายใต้การนำของ มร. จาง รุ่ยหมิ่น ซึ่งอินเทอร์เนต ทำให้รูปแบบทางเศรษฐกิจแบบดั้งเดิมมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ลำดับความสำคัญที่ไฮเออร์วางไว้สำหรับในอนาคต คือ การผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการส่วนบุคคลของผู้บริโภค
นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 ที่ไฮเออร์เริ่มบุกเบิกธุรกิจมาทั้งหมด กลุ่มบริษัท ไฮเออร์ ได้ผ่านสี่ช่วงของการดำเนินกลยุทธ์ต่างๆ อันได้แก่ การสร้างแบรนด์, การสร้างความหลากหลาย, การทำให้เป็นสากล และการสร้างแบรนด์ระดับโลก และในเดือนธันวาคม ปี พ.ศ. 2555 กลุ่มบริษัท ไฮเออร์ประกาศเข้าสู่ช่วงของการพัฒนาในระยะที่ห้า นั่นคือ ช่วงของการดำเนินกลยุทธ์สร้างเครือข่าย


  • Haier

    แบรนด์ไฮเออร์ ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2527 เป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านหลักของกลุ่มบริษัท ไฮเออร์ ไฮเออร์กำลังเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคของ Internet of Things มีการแนะนำให้รู้จักกับโมเดลของการปรับเปลี่ยนแบบอัจฉริยะ (intelligent customization model) ตามแนวทางของแบรนด์ที่วางไว้ให้สมกับเป็น “ผู้เบิกทางในยุคของ Internet of Things” ไฮเออร์จัดหาโซลูชั่นสำหรับบ้านอัจฉริยะไว้หลากหลายประเภทให้กับผู้บริโภค และสถานการณ์ที่แตกต่างกัน, ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ที่ต้องการเลือกสรรผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง มีความทันสมัย ทำงานได้แบบอัจฉริยะ และที่สำคัญคือเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ไฮเออร์จึงยังคงพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ...

  • Casarte

    Casarte เป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านระดับพรีเมียมของกลุ่มบริษัท ไฮเออร์ ซึ่งเป็นที่รู้จักในระดับสากล เป็นแบรนด์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากความสง่างามตามแบบฉบับของศิลปะสไตล์อิตาลี แบรนด์นี้มีเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่มีการออกแบบอย่างงดงาม และเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวที่เข้าชุดกันเป็นผลิตภัณฑ์หลัก แบรนด์ Casarte ยึดถือหลักปรัชญาที่ว่า “Creative Home Appliances, Refined Living” ทั้งนี้ก็เพื่อต้องการสื่อให้เห็นถึงความเป็นแบรนด์ Casarte นั่นคือ "สืบทอดศิลปะดั้งเดิมของอิตาลี ด้วยงานดีไซน์ และทรัพยากรการผลิตระดับโลก เพื่อทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเป็นดั่งผลงานศิลปะ ...

  • Leader

    Leader Appliances เป็นแบรนด์ในกลุ่มบริษัท ไฮเออร์ ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนหนุ่มสาวชาวจีนในยุคอินเทอร์เน็ต Leader Appliances จึงถูกวางตำแหน่งให้เป็น “ผู้บุกเบิกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความเป็นแฟชั่น” ด้วยปรัชญาของแบรนด์ที่ว่า “light fashion, leisure life” จุดมุ่งหมายคือการค้นหาความประณีตบนความเรียบง่าย และมุ่งมั่นที่จะสร้างไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัย เรียบง่าย ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สบายๆ สำหรับผู้ใช้ ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์นี้ครอบคลุมทั้งหมดเจ็ดประเภทหลัก

  • GEA

    General Electric Appliances เป็นแบรนด์ที่ถูกก่อตั้งขึ้นในสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ. 2435 เป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่มีอายุร่วมศตวรรษ มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองหลุยส์วิลล์ รัฐเคนตักกี้ ประเทศสหรัฐอเมริกา แบรนด์นี้ครอบคลุมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านประเภทต่างๆ เช่น ตู้เย็น เครื่องประกอบอาหาร เครื่องล้างจาน เครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า เครื่องปรับอากาศ ระบบกรองน้ำ และเครื่องทำน้ำอุ่น ภายใต้แบรนด์ General Electric Appliance ...

  • Fisher & Paykel

    Fisher & Paykel เป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งขึ้นในประเทศนิวซีแลนด์ในปี พ.ศ. 2477 มีชื่อเสียงอย่างมากในด้านนวัตกรรมและจิตวิญญาณของนักบุกเบิก และการให้ความเคารพ และเอาใจใส่ต่อมนุษยชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะที่เป็นแบรนด์ไฮ-เอนด์ระดับโลกของไฮเออร์ Fisher & Paykel จึงได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรม พร้อมการออกแบบให้ใช้งานง่ายสำหรับผู้บริโภคใน 50 ประเทศ และภูมิภาค ฐานการผลิตของแบรนด์นี้ครอบคลุมทั้งนิวซีแลนด์ จีน ไทย เม็กซิโก และอิตาล
    ความจริงใจ ความบริสุทธิ์ และ ถ่อมตน ...
    ธรรมชาติของแบรนด์ Fisher & Paykel ทำให้แบรนด์นี้ไม่เน้นการแสดงออกด้วยภาพลักษณ์ของความหรูหรา เหมือนกับแบรนด์อื่นๆ จิตวิญญาณของนวัตกรรมและความสงสัยใคร่รู้ในแบบของ Fisher & Paykel เป็นแรงขับเคลื่อนแบรนด์ให้ก้าวไปข้างหน้าในยุคปัจจุบัน จึงทำให้เป็นแบรนด์ที่มีความพิเศษเป็นอย่างมาก

  • AQUA

    คำว่า AQUA มาจากภาษาอิตาลี มีความหมายว่า "น้ำ" แบรนด์ AQUA ก่อตั้งขึ้นที่เมืองชิกะ ข้างทะเลสาบบิวะ บิวะเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ทุกคนที่ AQUA ตั้งแต่บุคลากรฝ่ายวิจัยและพัฒนา ไปจนถึงพนักงานทั่วไป ล้วนให้ความสำคัญกับความสะอาดของทะเลสาบบิวะ ซึ่งได้กลายเป็นภารกิจอย่างหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น การทำความสะอาดน้ำอิเล็กโทรไลต์ (Electrolyzed water) ในปี พ.ศ. 2544 และการทำความสะอาดโอโซนในปี พ.ศ. 2549 โดยใช้เทคโนโลยีเฉพาะ ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาหลักการของการรักษาสิ่งแวดล้อมไว้ไม่เปลี่ยนแปลง

  • Candy

    Candy เป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าแบบ Customized ภายใต้แบรนด์ไฮเออร์ ที่สนับสนุนปรัชญาของ “ลัทธิปฏิบัตินิยม” – เครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละชิ้นจะถูกปรับให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งเป็น “ดีไซน์เนอร์ตัวจริง” ของผลิตภัณฑ์ Candy มีการสำรวจตลาดอย่างครอบคลุมทั่วทุกมุมโลกเพื่อหาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโครงสร้างความต้องการของผู้บริโภคก่อนเริ่มกระบวนการออกแบบ นั่นคือเหตุผลที่ผลิตภัณฑ์ของ Candy มีฟังก์ชั่นที่ยอดเยี่ยมหาตัวจับยาก และคุ้มค่า...