ไฟฟ้ารั่วและไฟฟ้าลัดวงจรเป็นเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นเมื่อคุณได้มีการสัมผัสหรือกำลังจะใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าบางอย่าง ซึ่งไฟฟ้ารั่วและไฟฟ้าลัดวงจรอาจเกิดจากความผิดปกติของอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น สายไฟที่ชำรุดหรือชิ้นส่วนไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพ โดยทั่วไปแล้ว เหตุการณ์ไฟฟ้าลัดวงจรนี้จะทำให้กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านไปในวงจรเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและสามารถทำให้เกิดการสร้างความร้อนที่มากขึ้นจนอาจเกิดประกายไฟ ซึ่งอาจสร้างความเสียหายหรือเกิดเหตุเพลิงไหม้ได้ถ้าไม่ได้รับการจัดการทันที วันนี้ทีมไฮเออร์จึงจะมาแชร์วิธีสังเกตไฟฟ้ารั่วและวิธีป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรที่สามารถทำได้ง่าย ๆ และสามารถทำได้ด้วยตนเองภายในไม่กี่ขั้นตอน มาดูกันเลย
1. ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดในบ้านโดยไม่ต้องดึงคัตเอาต์หรือเบรกเกอร์ลง จากนั้นสังเกตที่มิเตอร์ไฟฟ้าเพื่อดูว่าแผ่นจานภายในมิเตอร์หมุนหรือไม่ หากแผ่นจานภายในมิเตอร์ยังหมุนอยู่ ให้ลองเช็กอีกครั้งว่าไฟฟ้าในบ้านปิดทั้งหมดหรือยัง แต่ถ้าตรวจสอบแล้วพบว่าคุณปิดทั้งหมดแล้ว แสดงว่ามีกระแสไฟฟ้ารั่วเกิดขึ้นภายในบ้าน
2. อย่าเพิ่งวางใจหากมิเตอร์ไฟฟ้าหยุดหมุนไป เพื่อความแน่นอนคุณสามารถจดหมายเลขมิเตอร์และจำตำแหน่งของแผ่นหมุนไว้ จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมงแล้วกลับมาตรวจสอบอีกครั้ง หากสถานการณ์ยังคงเป็นเหมือนเดิม โดยแผ่นหมุนยังอยู่ในตำแหน่งเดิมแสดงว่าไม่มีกระแสไฟฟ้ารั่วเกิดขึ้น
3. หากคุณยังไม่มั่นใจว่ามีกระแสไฟฟ้ารั่วเกิดที่เครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดใดในบ้านหรือไม่ คุณสามารถใช้ไขควงวัดไฟแตะเพื่อตรวจสอบได้ โดยใช้ไขควงวัดไฟแตะลากไปที่เฟอร์นิเจอร์หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าเหล่านั้น หากมีแสงสีแดงปรากฏขึ้นที่ไขควง แสดงว่ามีกระแสไฟฟ้ารั่วเกิดจากเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นนั้น
1. ตรวจสอบระบบไฟฟ้าให้มั่นใจว่าระบบไฟฟ้าในบ้านมีการติดตั้งและบำรุงรักษาอย่างถูกต้องโดยช่างซึ่งมีความรู้ความชำนาญ ตรวจสอบสายไฟและชิ้นส่วนอื่น ๆ เพื่อตระหนักถึงความเสียหายหรือการสึกของกระแสไฟฟ้า
2. ป้องกันสัมผัส ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างสวิตช์ ปลั๊กไฟ และหลอดไฟมีการใช้งานและการติดตั้งที่ถูกต้อง และมั่นใจว่าไม่มีสายไฟหรือส่วนของอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เสียหายหรือชำรุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชุดสายไฟฟ้าที่เสียบเข้ากับอุปกรณ์ไฟฟ้า
3. ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีมาตรฐาน เลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย เช่น หลอดไฟที่ได้รับการรับรองมาตรฐานคุณภาพ ปลั๊กไฟที่มีความคงทนและความปลอดภัยสูง
4. การใช้ปลั๊กไฟแบบอัตโนมัติ การใช้ปลั๊กไฟแบบอัตโนมัติหรือเทคโนโลยีที่ควบคุมไฟฟ้าได้อย่างแม่นยำ เช่น การใช้ปลั๊กไฟกันระเบิด (Residual Current Device: RCD) หรือที่รู้จักกันในบางประเทศว่า ช็อกล็อก (Shock Block) ซึ่งช่วยตรวจจับขั้วเสียงสัญญาณของกระแสไฟฟ้าเมื่อมีการสัมผัสหรือมีไฟฟ้าลัดวงจร และตัดกระแสไฟฟ้าออกทันทีเพื่อป้องกันอันตราย
5. ปฏิบัติตามคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ไฟฟ้าในบ้านหรือสถานที่อื่น ๆ จากผู้เชี่ยวชาญด้านไฟฟ้ามีความสำคัญอย่างยิ่ง เช่น การไม่ตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าบนพื้นเปียกชื้นหรือการไม่ใช้สายไฟยาวเกินไปโดยไม่จำเป็น
6. ตรวจสอบเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ เช่น เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ เพื่อตระหนักถึงสภาพของอุปกรณ์ และทำการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ชำรุดทันทีหากพบปัญหา
7. สำหรับการติดตั้งระบบต้านไฟฟ้าลัดวงจร สำหรับบ้านหรือสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูงควรพิจารณาการติดตั้งระบบต้านไฟฟ้าลัดวงจร เช่น อุปกรณ์ต้านไฟฟ้าลัดวงจร (Circuit Breakers) หรือระบบต้านไฟฟ้าลัดวงจร (Ground Fault Circuit Interrupters: GFCIs)
Haier ช่วยเปิดฟังก์ชันลับ! ที่จะทำให้คุณสังเกตไฟรั่วและป้องกันไฟลัดวงจรได้ในเวลาเดียวกัน ปลอดภัยไร้กังวลกับฟังก์ชัน Shock Proof ที่มีในเครื่องทำน้ำอุ่น Haier ฟังก์ชันนี้มีคุณสมบัติเป็นฉนวนป้องกันกระแสไฟฟ้า สามารถตัดไฟรั่วทันทีภายใน 0.1 วินาที และลดระดับกระแสไฟอัตโนมัติเมื่อเกิดไฟรั่ว ปลอดภัยขนาดนี้ ต้องลองแล้ว คลิกเลย : http://bitly.ws/JmHo
การใช้ไฟฟ้าในบ้านเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญ แต่ต้องมีความระมัดระวังในการใช้งานเพื่อป้องกันการเกิดเหตุอันตรายจากไฟฟ้ารั่วและไฟฟ้าลัดวงจร การตรวจสอบและบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญเพื่อความปลอดภัยของครอบครัวและทรัพย์สินของคุณเอง