ปัญหาที่ทุกคนมักจะสงสัยว่าทำไมเครื่องซักผ้าฝาบนกับเครื่องซักผ้าฝาหน้าถึงมีความแตกต่างกันทั้ง ๆ ที่สามารถซักผ้าได้เหมือนกัน วันนี้ทางไฮเออร์จะมาบอกจุดเด่นรวมถึงข้อเสียของเครื่องซักผ้าทั้ง 2 ประเภทนี้ ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร เพราะจริง ๆ แล้วประเภทของเครื่องซักผ้านั้นสามารถแบ่งแยกย่อยออกไปได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องซักผ้าฝาบนถังเดี่ยวหรือสองถัง มีทั้งแบบอัตโนมัติและแบบธรรมดา หรือเครื่องซักผ้าฝาหน้าที่สามารถอบผ้าได้แบบ 2 in 1 แต่หลัก ๆ แล้วในบทความนี้เราจะมาเปรียบเทียบกันให้เห็นชัด ๆ ว่าเครื่องซักผ้าฝาบนและเครื่องซักผ้าฝาหน้าแบบไหนดีกว่า ตามมาดูกันเลย
เครื่องซักผ้าฝาบน คือแบบแรกที่มีมาก่อนเครื่องซักผ้าฝาหน้า มีลักษณะเหมือนถังซักผ้าทั่วไป ใส่ผ้าด้วยการเปิดฝาจากด้านบน การปั่นผ้าจะเป็นแบบใบพัดหมุนสลับไปมา ตัวถังเป็นแบบตั้งตรง เป็นเครื่องซักผ้าที่นิยมในครอบครัวที่ต้องการซักผ้าปริมาณเยอะต่อครั้ง แต่มีประสิทธิภาพในการซักที่ค่อนข้างต่ำ สามารถซักคราบสกปรกได้ไม่ 100% เนื่องจากมีลักษณะในการปั่นผ้าแค่การหมุนด้วยใบพัดข้างใต้ สลับกันไปซ้ายขวาและมีกำลังหมุนที่ค่อนข้างน้อยถ้าในกรณีที่บรรจุผ้าเยอะ จึงทำให้ผ้าเกิดการเสียดสีกันได้น้อย ทำให้คราบสกปรกหลุดออกได้ไม่ดีเท่าที่ควร แต่มีความสามารถในการซักที่รวดเร็ว และสามารถจุผ้าได้ทีละมาก ๆ
จุดเด่น : ถือว่าเป็นเครื่องซักผ้าสามัญประจำบ้านด้วยการมีปุ่มโปรแกรมให้เลือกในการใช้งานง่ายหลากหลาย ใช้เวลาซักน้อยกว่าเครื่องซักผ้าฝาหน้า และมีราคาถูกกว่า
ข้อเสีย : จะมีการใช้ปริมาณน้ำที่มากกว่าเครื่องซักผ้าฝาหน้า เพราะต้องใส่น้ำให้สูงกว่าปริมาณของผ้าและการปั่นแบบแนวตั้งอาจทำให้มีโอกาสที่เนื้อผ้าจะเกิดความเสียหายได้มากกว่า
เครื่องซักผ้าฝาหน้า ถือว่าเป็นที่นิยมมาก ๆ ในสมัยนี้ ซึ่งเราจะเห็นได้ตามร้านซักผ้า 24 ชม. ลักษณะจะเป็นเครื่องซักผ้าแบบถังซักผ้าทั่วไป แต่เปลี่ยนจากเปิดฝาด้านบนเป็นเปิดด้านหน้าแทน การหมุนของถังซักจะเป็นในลักษณะวงล้อซึ่งจะหมุนให้ผ้าตกลงมาไปเรื่อย ๆ สามารถซักกับน้ำร้อนได้ ซึ่งจะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและให้ทำผ้าสะอาดมากกว่าเครื่องซักผ้าแบบฝาบน แถมยังสามารถปั่นผ้าได้กำลังแรงกว่า ทำให้ผ้าสะอาดมากกว่า ประหยัดค่าไฟได้มากกว่าด้วยมอเตอร์อินเวอร์เตอร์และประหยัดน้ำได้เยอะกว่า
จุดเด่น : สามารถทำงานแบบซัก-อบภายในเครื่องเดียว จึงช่วยอำนวยความสะดวกในการซักผ้าและประหยัดพื้นที่ และยังมีโปรแกรมซักอีกมากมายที่ตอบโจทย์ในการซักผ้าแต่ละชนิด และยังช่วยประหยัดน้ำมากกว่าเครื่องซักผ้าฝาบนอีกด้วย
ข้อเสีย : ใช้เวลาการซักนานกว่าเครื่องซักผ้าฝาบน โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 30 นาที – 1 ชั่วโมง และสามารถจุผ้าได้ในปริมาณที่น้อยกว่าเครื่องซักผ้าฝาบน อีกทั้งมักจะมีเรื่องของการเกิดเชื้อราที่บริเวณยางของขอบฝาเครื่อง ซึ่งก็สามารถแก้ไขได้โดยการล้างเครื่องซักผ้า รวมถึงเปิดฝาเครื่องไว้ประมาณ 2 - 3 ชั่วโมง หลังจากที่ซักผ้าเสร็จเพื่อให้อากาศถ่ายเทภายในเครื่อง
แล้วเครื่องซักผ้าฝาหน้ากับฝาบนแบบไหนเหมาะกับคุณ?
- เครื่องซักผ้าฝาบน เหมาะกับการใช้ในครอบครัวที่มีสมาชิกหลายคนหรือว่าใครที่มีปริมาณของเสื้อผ้าที่จะต้องซักเยอะ ๆ ใช้ระยะเวลาในการซักไม่นาน
- เครื่องซักผ้าฝาหน้า เหมาะกับคนที่ต้องการให้เสื้อผ้ามีความสะอาดและถนอมใยผ้า ถ้าใครที่อยากจะลดระยะเวลาในการตากผ้าหรือไม่มีพื้นที่ตากที่เพียงพอก็สามารถเลือกใช้เครื่องที่สามารถซักและอบผ้าได้ในเครื่องเดียว ทำให้สะดวกสบาย และคุ้มค่ามากที่สุด
เครื่องซักผ้าไฮเออร์ตอบโจทย์ทุกความต้องการ
อีกหนึ่งสิ่งที่อยากจะแนะนำทุกคนคือเครื่องซักผ้าไฮเออร์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องซักผ้าฝาหน้าหรือฝาบนนั้นก็มาพร้อมกับฟังก์ชันที่จัดเต็ม ล้ำสมัย อีกทั้งยังตอบโจทย์ต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี Self-Cleaning เทคโนโลยี Refresh หรือจะเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยลดรอยยับขณะซัก เป็นต้น
ไม่ว่าจะเป็นเครื่องซักผ้าฝาหน้าหรือฝาบนแต่ละประเภทก็มักจะมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นจึงควรเลือกให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตนเองหรือครอบครัวและความจำเป็นในการใช้งาน พอจะตัดสินใจเลือกเครื่องซักผ้าที่ใช้และตรงใจกับตัวของคุณได้หรือยัง? หวังว่าบทความที่ไฮเออร์นำเสนอนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อน ๆ ทุกคนนะ
หากใครที่สนใจหรืออยากจะช้อปเครื่องซักผ้าอัจริยะจากไฮเออร์ สามารถคลิกดูได้ที่ https://bit.ly/447LNW9