"ไฟตก" หนึ่งในสาเหตุที่ไม่ปลอดภัยสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านของคุณ

09-18 2023

 

Haier_LongForm_ไฟตกหนึ่งในสาเหตุที่ไม่ปลอดภัย

 


อันตรายของไฟตกที่มากกว่าแค่ไฟดับ สำหรับบางคนไฟตกอาจจะเป็นแค่การที่ไฟกระพริบหรือดับลงเพียงครู่เดียวแล้วก็ติดขึ้นมาใหม่ ใช้ได้ปกติ แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่แค่นั้น เพราะการที่บ้านของคุณเกิดไฟตกบ่อย ๆ นั้นอันตรายมากกว่าที่คิด เป็นปัญหาที่ทุกบ้านต้องเคยเจอ เหล่าพ่อบ้านแม่บ้านอาจจะคิดว่าไฟฟ้าจะตกแค่ชั่วครู่เลยไม่ได้ทำให้เดือดร้อนอะไรมากมาย แต่การที่ไฟตกอยู่บ่อยครั้งก็เป็นสัญญาณเตือนว่าไฟฟ้าบ้านของคุณอาจมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นและมันอาจสร้างความเสียหายให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านของคุณมากกว่าที่คิด

สาเหตุของการเกิดไฟตก

การที่กระแสไฟฟ้าอยู่ในสภาวะที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่กระแสไฟจะไม่ดับในทันที จึงทำให้มีกระแสไฟจ่ายเข้าสู่เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ที่กำลังใช้งานอยู่ภายในบ้านได้อย่างไม่เต็มที่ อย่างที่หลาย ๆ ท่านน่าจะเคยเจอก็คือการที่ไฟดับลงชั่วขณะแล้วติดขึ้นใหม่เอง หรือการที่เครื่องใช้ไฟฟ้าไม่สามารถใช้งานได้เต็มที่เพราะกำลังไฟอ่อน จึงติด ๆ ดับ ๆ ใช้เวลาสักพักก็จะกลับมาใช้งานได้ตามเดิม 

1. ใช้ไฟฟ้าเยอะจนเกินไป เมื่อมีการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าพร้อมกันหลายเครื่อง จึงทำให้มีการใช้งานกระแสไฟฟ้าในอัตราที่สูงกว่าปกติ เมื่อมีการจ่ายกระแสไฟฟ้าสูงเกินกำลังจะทำให้กระแสไฟไม่สามารถเข้าถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กำลังใช้งานได้ครบ

2. การกระชากของกระแสไฟฟ้า อาจมาจากเครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนิดที่กินกำลังไฟมากเกินไปในขณะที่กำลังใช้งาน ส่งผลให้เกิดการกระชากของกระแสไฟ 

3. ตัวนำกระแสไฟฟ้าขัดข้อง ตัวนำไฟฟ้าที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการจ่ายกระแสไฟฟ้าภายในบ้านอาจมีบางส่วนที่ขัดข้องหรือเกิดการช็อตอยู่ข้างใน แอบมากระซิบบอกต่อว่ามีเครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเออร์ป้องกันไฟช็อตได้ นั่นก็คือ เครื่องทำน้ำอุ่นอัจฉริยะของไฮเออร์ ที่มีเทคโนโลยีสุดเด็ดอย่าง Shock Proof โดยระบบนี้ทำหน้าที่เหมือนกับตัวต้านทานกระแสไฟฟ้าระหว่างเครื่องทำน้ำอุ่นกับร่างกายเรา ซึ่งจะช่วยลดระดับกระแสไฟฟ้าที่ถูกส่งออกมา นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Hyper PCB จากแอร์ไฮเออร์ที่ช่วยควบคุมความผันผวนของแรงไฟฟ้าและความเสียหายอื่น ๆ ที่อาจส่งผลให้แอร์ทำงานผิดปกติ จึงมั่นใจได้ว่าแอร์ไฮเออร์จะสามารถทำความเย็นได้ด้วยอุณหภูมิคงที่แม้ในสภาพอากาศเลวร้าย

4. สภาพอากาศแปรปรวน สภาพอากาศที่แปรปรวนก็มีส่วนทำให้เกิดไฟตกได้ อย่างเช่นการเกิดฝนตก ฟ้าคะนอง ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ที่อาจเข้ามารบกวนการทำงานของกระแสไฟภายในบ้านจึงทำให้เกิดไฟตก

5. ปลั๊กไฟที่ไม่ได้มาตรฐาน เพื่อให้สามารถใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าได้อย่างสะดวกมากขึ้น หลายบ้านจึงนำปลั๊กพ่วงมาใช้งาน ซึ่งการใช้ปลั๊กพ่วงนั้นก็ต้องระมัดระวังในเรื่องของการเสียบปลั๊กที่ใช้กำลังไฟสูงพร้อม ๆ กันหลายเครื่อง อาจทำให้สายไฟไหม้เนื่องจากใช้กระแสไฟสูงเกินกำลังของปลั๊กพ่วงนั่นเอง รวมถึงการเลือกใช้ปลั๊กพ่วงที่ไม่ได้มาตรฐานก็อาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรและเสี่ยงอันตรายมากกว่าเดิม

แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าไฟตก

  • เครื่องใช้ไฟฟ้าหยุดทำงานในระยะสั้น ๆ เช่น หลอดไฟกระพริบหรือเปิดติดยาก

  • เครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เช่น หลอดไฟสว่างน้อยกว่าปกติ พัดลมหมุนช้าลง

  • เครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ทำงาน เช่น เปิดแอร์ไม่ติด ปั๊มน้ำไม่ทำงาน

ดูแลไฟบ้านอย่างไรให้ห่างไกลปัญหาไฟตก การที่ไฟตกบ่อย ๆ ต้นเหตุอาจจะมาจากไฟบ้านที่ไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่ที่ดีพอ ดังนั้น คุณจึงควรดูแลและตรวจเช็คระบบไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เพื่อให้ทุกคนในบ้านสามารถใช้ไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัย โดยปฏิบัติตามแนวทางต่อไปนี้

1. ติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันไฟตก อุปกรณ์ป้องกันไฟตกหรือที่เรียกว่าเครื่องรักษาแรงดันไฟฟ้า เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ในการปรับกระแสไฟฟ้าให้มีความคงที่ หากมีกระแสไฟฟ้าไหลเกินกว่าปกติ อุปกรณ์นี้จะทำการควบคุมและจ่ายไฟฟ้าไปตามที่ได้ตั้งค่าไว้ เพื่อไม่ทำให้เกิดการกระชากของกระแสไฟหรือความเสียหายในรูปแบบอื่น เครื่องใช้ไฟฟ้าจึงสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. อย่าใช้สายไฟชำรุด หากพบว่ามีสายไฟในบ้านที่เกิดการชำรุด เนื่องจากหนูกัดสายไฟหรือปลอกสายไฟเสื่อมสภาพเนื่องจากมีอายุการใช้งานนาน ควรหยุดใช้หรืองดเชื่อมต่อเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านกับสายไฟเส้นนั้น ๆ ทันที แล้วแจ้งช่างผู้เชี่ยวชาญมาทำการเปลี่ยนสายไฟใหม่และเดินสายไฟในบ้านให้ใหม่จะดีกว่า

3. เลือกอุปกรณ์จ่ายไฟฟ้าที่เหมาะกับการใช้งาน ลองสำรวจลักษณะการใช้ไฟฟ้าภายในบ้านของคุณดูว่ามีการเปิดใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าบ่อยมากแค่ไหน หากมีสมาชิกที่อาศัยอยู่ในบ้านหลายคนก็มีโอกาสที่จะใช้ไฟฟ้ามากกว่าบ้านที่มีสมาชิกเพียง 1-2 คน หากบ้านของคุณเป็น Home Office ก็ยิ่งต้องใช้ไฟฟ้ามากขึ้นกว่าเดิม เพราะฉะนั้น การสำรวจความต้องการในการใช้ไฟฟ้านั้นเป็นเรื่องที่ควรทำก่อนที่จะติดตั้งระบบไฟฟ้าภายในบ้าน เพื่อที่จะได้ติดตั้งอุปกรณ์สำหรับจ่ายไฟฟ้าได้ตามความเหมาะสม

4. เลือกปลั๊กพ่วงที่ได้มาตรฐาน หากต้องการใช้ปลั๊กพ่วง ควรเลือกซื้อปลั๊กไฟแบบพ่วงที่มีการผลิตที่ได้มาตรฐาน มีฉลากที่ยืนยันคุณภาพระบุเอาไว้อย่างชัดเจนและมีระบบตัดไฟอัตโนมัติหากมีการใช้กระแสไฟเกิน

5. ตรวจสภาพเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเสมอ บางครั้งสาเหตุของไฟตกก็มาจากความไม่สมบูรณ์ของตัวเครื่องใช้ไฟฟ้าเอง ที่มีวงจรขัดข้องอยู่ภายในจนกระทบกับการเดินกระแสไฟฟ้าของบ้านและส่งผลให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร ดังนั้น คุณควรหมั่นตรวจสภาพเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านว่ายังทำงานได้เป็นปกติหรือไม่ หากพบว่ามีสิ่งใดผิดปกติไปจากเดิม ให้หยุดใช้งานแล้วนำเครื่องใช้นั้นส่งศูนย์ซ่อมทันทีเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาภายหลัง

การรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ปลอดภัยในหน้าฝนนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรคำนึงถึง เนื่องจากไฟฟ้าเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต หากเกิดปัญหากับระบบไฟฟ้าภายในบ้านจนใช้งานไม่ได้หรือไฟตกจนก่อให้เกิดเครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหายก็อาจจะทำให้คุณต้องเสียค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอุปกรณ์เพิ่มเติม แต่ถ้าระบบไฟฟ้าดีก็จะยิ่งเพิ่มความสะดวกสบายให้กับชีวิตของคุณ หากไม่สันทัดเรื่องของไฟฟ้า แนะนำให้ปรึกษาช่างที่มีความรู้ในด้านเทคนิคต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของตัวคุณเอง