มร. อู๋ หย่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ยอดขายในปี 2556 ที่ผ่านมา มีรายได้รวมประมาณ 1,800 ล้านบาท ซึ่งในปี 2556 ที่ผ่านมากลุ่มบริษัทไฮเออร์ ได้ประกาศกลยุทธ์ขั้นตอนที่ 5 การสร้างเครือข่าย ตามการขยายขอบเขตของระบบเครือข่าย, เทคโนโลยี 3D ที่พัฒนารุดหน้าไปมากขึ้น, การใช้ข้อมูลที่หลากหลาย เราพบว่าโลกของเรากำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก การดำเนินชีวิตของผู้บริโภคก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน นอกจากนี้ความต้องการก็มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น แท้จริงแล้วธุรกิจแบบเดิมจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับยุคอินเทอร์เน็ตนี้ได้อย่างไร สิ่งนี้นับเป็นสิ่งใหม่สำหรับธุรกิจทั้งหลาย กลุ่มบริษัทไฮเออร์เองก็ได้พิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จึงประกาศกลยุทธ์การพัฒนาใหม่ออกมา สำหรับกลยุทธ์ใหม่ขั้นตอนนี้ ไฮเออร์ได้มีการเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นรูปแบบของแพลตฟอร์ม โดยผ่านช่องทางการสื่อสารกับผู้บริโภค ซึ่งสามารถใช้ช่องทางนี้แสดงความต้องการที่มีอยู่ รวมถึงใช้รวบรวมทรัพยากรที่มีอยู่ทั่วโลกแล้วมาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้รวดเร็วที่สุด นอกจากนี้ไฮเออร์ได้เปลี่ยนตัวจากผู้ผลิตเป็นผู้ให้บริการ เพื่อเป็นการสร้างไลฟ์สไตล์แบบใหม่ให้กับผู้บริโภค
“นอกจากนี้ ในปีนี้ไฮเออร์ได้ประกาศภาพลักษณ์ใหม่เพื่อตอบรับกับกลยุทธ์ยุคเครือข่าย โดยเริ่มจากการปรับเปลี่ยนสีโลโก้จากสีแดงเป็นสีฟ้า ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีและความสร้างสรรค์ รวมถึงรู้สึกได้ถึงความอัจฉริยะที่ซ่อนแฝงอยู่, เปลี่ยนจุดเหลี่ยมบนตัว “i” ให้เป็นจุดกลม สะท้อนให้เห็นถึงแนวความคิดการสร้างแบรนด์ที่เป็นโกลบอลในยุคของอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้ยังแสดงถึงการให้ความสำคัญกับแพลตฟอร์มของอินเทอร์เน็ตของ
ไฮเออร์, รูปแบบกราฟฟิกยุคเครือข่าย เป็นสัญลักษณ์ยุคเครือข่ายซึ่งไร้ขอบเขต ไม่มีกรอบ และสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างไร้ขีดจำกัด”
มร.อู๋ หย่ง กล่าวเพิ่มเติมว่า ไฮเออร์ก้าวเข้ามาในประเทศไทยเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว ในระยะเวลา 10 ปีนี้
ไฮเออร์ประเทศไทยได้ปรับตัวเองให้มีค่านิยมหลักและวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นท้องถิ่น พวกเราจะยึดมั่นในวัฒนธรรมองค์กร T-Haier และใช้กลยุทธ์ของกลุ่มบริษัทไฮเออร์ให้ปรับตัวเข้ากับท้องถิ่น นำพาให้ไฮเออร์เข้าถึงและเข้าใจในตัวผู้บริโภคอย่างแท้จริง โดยจะให้ความสำคัญกับผู้บริโภค รวมถึงเน้นที่การเป็นแบรนด์ที่นำเสนอการบริการที่เยี่ยมยอดให้กับผู้บริโภคและในปี 2557 นี้ไฮเออร์ได้นำเสนอบริการ “Care +” ให้กับผู้บริโภคโดยเฉพาะ และเครื่องปรับอากาศได้มีการเพิ่มจากการรับประกัน 3 ปีเป็น 5 ปี
“จากปี 2553 ไฮเออร์ได้นำเสนอการรับประกัน 3 ปีเป็นครั้งแรก จนกระทั่งปี 2556 รวมระยะเวลา 3 ปีเต็มที่ได้ดำเนินนโยบายดังกล่าว ในระยะเวลา 3 ปีมานี้ คุณภาพสินค้าและบริการของไฮเออร์ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคชาวไทยเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกันเพื่อที่จะกำหนดเป็นมาตรฐานรวมของทั้งธุรกิจให้ผู้บริโภคได้รับบริการที่มากยิ่งขึ้น ในปี 2557 ไฮเออร์ได้เป็นผู้นำของธุรกิจเครื่องปรับอากาศในการประกาศนโยบายต่อเนื่องการรับประกันเพิ่มเป็นเวลา 5 ปี ตู้แช่มีการรับประกันตัวเครื่อง 3 ปี ซึ่งมากกว่าธุรกิจเดียวกันถึง 3 เท่า, ตู้เย็นรับประกันตัวเครื่อง 3 ปี รับประกันคอมเพรสเซอร์ 5 ปี และโทรทัศน์รับประกันตัวเครื่อง 3 ปี”
มร.อู๋ หย่ง กล่าวว่า การดำเนินการโครงการ “Care+” ไม่เพียงแต่เป็นการสร้างความเชื่อมั่นในตัวคุณภาพของสินค้า แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ ไฮเออร์คิดว่าเป็นการนำเสนอบริการที่ไร้ขีดจำกัดให้กับผู้บริโภค เพียงแค่นำผู้บริโภคมาไว้ในใจเรา จึงจะสามารถได้รับความเชื่อมั่นและการยอมรับจากผู้บริโภค ในปีนี้ไฮเออร์ได้นำเสนอสินค้าใหม่หลายตัวให้กับผู้บริโภค อาทิ ตู้เย็น ได้นำเสนอสินค้าประตูเดียวและสองประตูตัวใหม่ มิใช่เพียงมีสีสันใหม่เท่านั้น ยังมีรูปลักษณ์ และฟังก์ชั่นการใช้งานที่แปลกใหม่ไปจากเดิม สำหรับเครื่องปรับอากาศ จะนำเสนอสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงานมากขึ้นด้วยซีรี่ย์ของสินค้าที่ใช้น้ำยาทำความเย็น R410A ซึ่งประกอบไปด้วยรุ่นปกติและอินเวอร์เตอร์ เครื่องซักผ้าเองก็ไม่แพ้กัน มีการนำเสนอเครื่องซักผ้าอัตโนมัติและสองถังที่มีความจุมากยิ่งขึ้น ตู้แช่ มีการนำเสนอซีรี่ย์ใหม่ตั้งแต่ขนาด 3.7Q ไปจนถึง 18.4Q ซึ่งประกอบไปด้วยตู้แช่แบบ 2 และ 3 ประตู ทางด้านสินค้าทีวีแอลอีดี จะนำเสนอฟังก์ชั่นของสมาร์ททีวีกว่า 10 รุ่น
“ปี 2557 นี้เรายังคงให้ความสำคัญกับการเสนอสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด เพิ่มการบริการโครงการรับประกัน“Care+” เพื่อให้ผู้บริโภครู้จัก ได้สัมผัส และชอบไฮเออร์มากยิ่งขึ้น” กรรมการผู้จัดการกล่าว
ตามรายงานการจัดอันดับของสถาบันยูโรมอนิเตอร์ปี 2556 ไฮเออร์ได้ครองตำแหน่งผู้จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านปริมาณมากที่สุดติดต่อกันเป็นปีที่ 5 โดยมีสัดส่วนทางการตลาดอยู่ที่ 9.7% (ปี 2552 เป็น
ปีแรกที่มีสัดส่วนการตลาดสูงสุดที่ 5.1%) โดยมีผลิตภัณฑ์ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ตู้แช่ ตู้แช่ไวน์ครองอันดับหนึ่งของโลก